Friday, March 11, 2016
Tuesday, March 8, 2016
Monday, March 7, 2016
โคตรพีค! วันที่รอคอยก็มาถึง เสนา หอย และ อุ้ม ได้คุยเปิดใจต่อหน้ากันครั้งแรก
Friday, March 4, 2016
ยอม ติดคุก ไม่มีเงิน5หมื่น ลักมะพร้าวให้เมียท้องกิน
„เมื่อวันที่ 5 มี.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ภิญโญเทพประทาน สวส.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้นำตัว นายนฤเบศ เพชรชุมพลอายุ 25 ปี ชาว อ.ทุ่งสง ผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์ มาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดทุ่งสง หลังจากที่ถูก นางอารีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ 5 ต.นาโพธิ์ แจ้งความจับกุมในข้อหาขโมยมะร้าว เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา สืบเนื่องจาก วันเกิดเหตุ นางอารีย์ได้แจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้จับกุมตัว นายนฤเบศ ในข้อหาลักทรัพย์ หลังจากที่ผู้เสียหายเกิดเอะใจว่า มะพร้าวที่เก็บมาวางไว้ได้สูญหายไป 3 ลูก พอตรวจกล้องวงจรปิด ก็พบภาพที่ผู้ต้องหากำลังเข้าไปขโมยลูกมะพร้าวพอดี โดยตำรวจสามารถบุกไปจับกุมผู้ต้องหาได้ในบ้านพัก ที่อยู่ห่างจากบ้านที่ขโมยเพียง 500 เมตร พร้อมของกลาง มะพร้าว 3 ลูก จากการสอบสวนทราบว่า นายนฤเบศทำอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา มีรายได้เพียงวันละ 200 บาท แต่ต้องดูแลครอบครัวที่มีลูก 3 คน อีกทั้งภรรยาก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 4 ได้ 5 เดือนแล้วด้วย ส่วนที่ก่อเหตุลักลูกมะพร้าวนั้น เนื่องจากภรรยาต้องการรับประทานมะพร้าวอ่อนมาก ด้วยความที่ฐานะไม่ค่อยดี ประกอบกับเห็นลูกมะพร้าววางอยู่ใกล้ๆ กับคอกหมูร้างของผู้เสียหาย คิดว่าผู้เสียหายคงไม่สนใจ จึงลอบไปขโมยดังกล่าว กระทั่งนำมาให้ภรรยารับประทาน ต่อมา ตำรวจได้เรียกนางอารีย์เจ้าของมะพร้าวมาชี้ตัวยืนยันอีกครั้ง โดยผู้ต้องหาได้สารภาพ ถึงเหตุผลในการขโมยลูกมะพร้าวให้ นางอารีย์ฟัง จากนั้นนางอารีย์ได้ตัดสินใจเรียกเงินค่าเสียหายรวม 5 หมื่นบาท เพื่อแลกกับการยอมความและไม่เอาเรื่อง ซึ่งพอผู้ต้องหาได้ยินก็ตกใจและให้การด้วยอาการซึมว่า เป็นเพียงแค่คนกรีดยาง ไม่มีปัญญาหาเงินมากขนาดนั้น โดยมีเงินมากก็คงไม่ขโมยลูกมะพร้าว และขอตัดสินใจยอมติดคุกถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย..“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/regional/383831
Monday, February 29, 2016
กล้ามั้ย ! พิสูจน์แฟนกันหน่อย ถ้าทำครบ 8 ข้อนี้ถือว่ารักกันจริง
อยากบอกดังๆว่า “เกลียดกุบ้างก็ได้นะ” ถ้าจะรักกันแล้วต้องมีครบ 8 ข้อนี้ เหม็นอี้คนเดียวดีกว่า คบกันแรกๆอาจยังมีไม่ครบ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกๆ อย่างมันก็จะเปลี่ยนตาม จากที่เคยประคบประหงม
กันมันก็เกิดความเคยชิน จนบางทีก็ลืมตัวไป จนทำในสิ่งที่แปลกๆ แผลงๆ ออกมาซะงั้น
1 กลิ่นปากเหม็นๆ ยามเช้าจะไม่เป็นอะไรที่กวนใจกันอีกต่อไป
2 อาหารที่กินแล้ว ก็เอามากินกันต่อได้ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
3 การตด ไม่ได้เป็นอะไรที่น่ารังเกียจอีกต่อไป เผลอๆ เป็นการแข่งขันด้วย
4 การเข้าห้องน้ำแล้วไม่ปิดประตู ไม่ใช่อะไรที่น่าอายอีกแล้ว
5 กิจกรรมยามว่าง คือบีบสิวให้กันและกัน
6 ไม่มีการปิดปังกิจวัตรประจำวันกันต่อไป ไม่ว่าจะ อึ จะ ฉี่ บอกได้หมดไม่อาย
7 ต้องมีบ้างแหละกับการถอดขนให้กันและกัน
8 ขณะตอนอาบน้ำด้วยกัน การปล่อยฉี่ออกมาก็ถือเป็นเรื่องปกตินะ
ดูแล้วทำกันได้กี่ข้อกันบ้าง...มาแชร์กันหน่อย
Friday, February 26, 2016
เหี้ยมเกินบรรยาย !!หนุ่มใหญ่ คว้าปืนตามง้อ สาว ไม่เป็นผล! ก่อนเห็น แมว เดินผ่าน จึงโชว์ทำแบบนี้.. โหดร้ายป่าเถื่อนสุดๆ!!
วันที่ 26 ก.พ. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทภายในหมู่บ้านดาราวดี ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และมีอาวุธปืน อีกด้วยจึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ที่เกิดเหตุพบนายมนตรี สายแปง อายุ 60 ปี ลูกจ้างอยู่ที่ร้านอลูมิเนียมแห่งหนึ่ง กำลังยืนถือปืนโวยวายอยู่ภายในหมู่บ้าน ใกล้กันพบซากแมวนอนตายอยู่กับพื้นร่างแหลกเหว ก่อนเจ้าหน้าที่พยายามเกลี่ยกล่อมแต่ไม่เป็นผล จึงอาศัยช่วงผู้ก่อเหตุเผลอ บุกเข้าชาร์จอาวุธปืนก่อน และควบคุมตัวเอาไว้ได้
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายมนตรี เป็นคนในหมู่บ้าน และได้คบหากัยนางสาวเอ (นามสมมุติ) วัย 40 ปี คนหนึ่ง จนภายหลังมีการทะเลาะกันบ่อย โดยสาเหตุมาจากการหึงหวง จนทำให้นางสาวเอบอกเลิกราไป
โดยในวันเกิดเหตุ นายมนตรี ได้ตามง้อแต่ถูกนางสาวเอปฏิเสธ ก่อนโมโหจนหน้ามืดคว้าอาวุธปืนขนาด.357 เป็นปืนมีทะเบียนของบิดา มาข่มขู่นางสาวเอ ให้มาคืนดี แต่ทว่าทันใดนั้นได้มีแมวเคราะห์ร้ายเดินผ่านมา จึงเกิดบันดาลโทสะจับแมวฟาดลงพื้นอย่างแรงหลายครั้งจนร่างแหลกเพื่อโชว์ให้แฟนสาวดู
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ ได้แจ้งข้อกล่าวหามีอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต และพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนกรณีที่มีแมวเสียชีวิตนั้น ในเบื้องต้นทางตำรวจยังไม่ได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ จึงอยากให้เจ้าของแมวดังกล่าวเข้าแจ้งความเพื่อจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณภาพจาก "เดลินิวส์"